เกี่ยวกับเรา

CHARLES & KEITH ก่อตั้งในปี 1996 เป็นแบรนด์แฟชั่นสัญชาติสิงคโปร์ที่รังสรรค์คอลเลคชั่นรองเท้า, กระเป๋า, แว่นตา, แอคเซสเซอรี่และเครื่องประดับ – ที่จะยกระดับชีวิตและการทำงาน จากร้านรองเท้าเล็กๆ ที่เปิดในชานเมืองสู่การมีร้านค้าสาขาในต่างประเทศที่จะมอบประสบการณ์การขายที่น่าจดจำทั้งในร้านค้าและช่องทางออนไลน์ จุดเริ่มต้นเล็กๆ ของ CHARLES & KEITH เป็นเครื่องพิสูจน์ความท้าทายที่ทำให้สิงคโปร์กลายเป็นหมุดหมายของความคิดริเริ่มและความคิดสร้างสรรค์
 
CHARLES & KEITH เฉลิมฉลองความสุขของแฟชั่นและเปิดรับความแตกต่างตามธรรมชาติของไม่ว่าจะเป็น ความเป็นเอเชียและความสากล, ระหว่างกลางวันและกลางคืน, การทำงานและการเล่น
 

วิสัยทัศน์

โอบรับพื้นฐานความเป็นเอเชีย ในขณะที่สร้างแบรนด์สู่ระดับโลกด้วยความมั่นใจและทรงอำนาจ เพื่อส่งผ่านสิ่งเหล่านั้นไปเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทุกคนมีความมั่นใจ
 

ภารกิจ

เพื่อปลดล็อคประสบการณ์ของแบรนด์ที่เปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจที่สามารถเข้าถึงได้และจะไม่มีวันแปรเปลี่ยน รวมถึงท้าทายขนบธรรมเนียมที่กล่าวว่าแฟชั่นมีเพื่อคนเพียงไม่กี่คน

เกี่ยวกับเรา

CHARLES & KEITH ก่อตั้งในปี 1996 เป็นแบรนด์แฟชั่นสัญชาติสิงคโปร์ที่รังสรรค์คอลเลคชั่นรองเท้า, กระเป๋า, แว่นตา, แอคเซสเซอรี่และเครื่องประดับ – ที่จะยกระดับชีวิตและการทำงาน จากร้านรองเท้าเล็กๆ ที่เปิดในชานเมืองสู่การมีร้านค้าสาขาในต่างประเทศที่จะมอบประสบการณ์การขายที่น่าจดจำทั้งในร้านค้าและช่องทางออนไลน์ จุดเริ่มต้นเล็กๆ ของ CHARLES & KEITH เป็นเครื่องพิสูจน์ความท้าทายที่ทำให้สิงคโปร์กลายเป็นหมุดหมายของความคิดริเริ่มและความคิดสร้างสรรค์
 
CHARLES & KEITH เฉลิมฉลองความสุขของแฟชั่นและเปิดรับความแตกต่างตามธรรมชาติของไม่ว่าจะเป็น ความเป็นเอเชียและความสากล, ระหว่างกลางวันและกลางคืน, การทำงานและการเล่น
 

วิสัยทัศน์

โอบรับพื้นฐานความเป็นเอเชีย ในขณะที่สร้างแบรนด์สู่ระดับโลกด้วยความมั่นใจและทรงอำนาจ เพื่อส่งผ่านสิ่งเหล่านั้นไปเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทุกคนมีความมั่นใจ
 

ภารกิจ

เพื่อปลดล็อคประสบการณ์ของแบรนด์ที่เปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจที่สามารถเข้าถึงได้และจะไม่มีวันแปรเปลี่ยน รวมถึงท้าทายขนบธรรมเนียมที่กล่าวว่าแฟชั่นมีเพื่อคนเพียงไม่กี่คน
 
 
 
 

พื้นหลัง

นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ Charles และ Keith Wong ได้ก่อตั้งแบรนด์ภายใต้ชื่อตัวเองขึ้นในปี 1996 ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการควบคุมพลังในการเปลี่ยนแปลงของแฟชั่นเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทั่วโลกปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์และความมั่นใจออกมา สองพี่น้องเปิดร้านค้าปลีกแห่งแรกที่ศูนย์การค้า Amara ใจกลางสิงคโปร์
 
ทั้งคู่เติบโตมาโดยที่ช่วยพ่อแม่เปิดร้านขายรองเท้าเล็กๆ ในย่านชานเมืองอังโมเกียว ซึ่งทำให้ทั้งสองคุ้นเคยกับการทำธุรกิจเป็นอย่างดี ตั้งแต่วัยรุ่น Charles และ Keith ทำงานกับคุณแม่อย่างใกล้ชิด โดยท่านเป็นผู้จัดการทุกอย่างในร้านของครอบครัว ด้วยแรงบันดาลใจจากจิตวิญญาณการเป็นผู้ประกอบการและความยืดหยุ่นของคุณแม่ พวกเขาจึงท้าทายตัวเองด้วยการนำธุรกิจให้ก้าวหน้าต่อไป: เริ่มด้วยการสร้างแบรนด์ของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำให้แบรนด์นี้แตกต่างจากคู่แข่ง หลังจากที่ศึกษาความต้องการของลูกค้าแล้ว พวกเขาเปลี่ยนจากรูปแบบการขายแบบเดิมๆ แทนที่จะรับสินค้าจากร้านขายส่ง Charles และ Keith เริ่มดีไซน์รองเท้าของตัวเองขึ้นมา ซึ่งกลยุทธ์ทางธุรกิจแบบใหม่นี้มีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของแบรนด์และการขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วสิงคโปร์และหลังจากนั้นไม่นานก็ได้ขยายไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ ของเอเชีย
 
ในปี 2004 CHARLES & KEITH ขยายช่องทางการขายด้วยการเปิดตัวเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ และในปี 2011 L Capital Asia, กองทุนของ LVMH ได้รับเชิญให้เข้าร่วมถือหุ้นในกลุ่มของ CHARLES & KEITH และด้วยการเข้ามาลงทุนของกลุ่มผู้ลงทุนเจ้านี้ทำให้ CHARLES & KEITH ประสบความสำเร็จในการเปิดตัวธุรกิจในประเทศจีน ในปัจจุบันตระกูล Wong ถือเป็นเจ้าของแบรนด์ CHARLES & KEITH แต่เพียงผู้เดียวและมีร้านค้าเกือบ 700 แห่งในกว่า 30 ประเทศ โดยมีฐานที่แข็งแกร่งในเอเชียแปซิฟิกและตะวันออกกลาง โดยเลือกที่จะเปิดร้าน Flagship ในหัวเมืองแฟชั่นอย่างโตเกียว, โซล, เซี่ยงไฮ้และดูไบ นอกจากนั้นแล้วแบรนด์ยังมีการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ - CHARLESKEITH.COM ซึ่งสามารถจัดส่งไปได้กว่า 60 ประเทศทั่วโลกรวมถึงออสเตรเลีย, ยุโรป และสหรัฐอเมริกา
 
ด้วยความเชื่อที่ฝังลึกในความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม CHARLES & KEITH จับมือกับองค์กรสากลอย่าง UN Women, Dress for Success, The Asia Foundation, Save The Children, UNICEF, Red Cross, WWF และ Plastic Bank นอกจากนั้นแล้วทางแบรนด์ยังทำงานร่วมกับ The Forest Stewardship Council (FSC), The Leather Working Group และ The Textile Exchange อย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าจะใช้แนวทางของความยั่งยืนมากขึ้นในทุกด้านของธุรกิจ

พื้นหลัง

นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ Charles และ Keith Wong ได้ก่อตั้งแบรนด์ภายใต้ชื่อตัวเองขึ้นในปี 1996 ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการควบคุมพลังในการเปลี่ยนแปลงของแฟชั่นเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทั่วโลกปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์และความมั่นใจออกมา สองพี่น้องเปิดร้านค้าปลีกแห่งแรกที่ศูนย์การค้า Amara ใจกลางสิงคโปร์
 
ทั้งคู่เติบโตมาโดยที่ช่วยพ่อแม่เปิดร้านขายรองเท้าเล็กๆ ในย่านชานเมืองอังโมเกียว ซึ่งทำให้ทั้งสองคุ้นเคยกับการทำธุรกิจเป็นอย่างดี ตั้งแต่วัยรุ่น Charles และ Keith ทำงานกับคุณแม่อย่างใกล้ชิด โดยท่านเป็นผู้จัดการทุกอย่างในร้านของครอบครัว ด้วยแรงบันดาลใจจากจิตวิญญาณการเป็นผู้ประกอบการและความยืดหยุ่นของคุณแม่ พวกเขาจึงท้าทายตัวเองด้วยการนำธุรกิจให้ก้าวหน้าต่อไป: เริ่มด้วยการสร้างแบรนด์ของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำให้แบรนด์นี้แตกต่างจากคู่แข่ง หลังจากที่ศึกษาความต้องการของลูกค้าแล้ว พวกเขาเปลี่ยนจากรูปแบบการขายแบบเดิมๆ แทนที่จะรับสินค้าจากร้านขายส่ง Charles และ Keith เริ่มดีไซน์รองเท้าของตัวเองขึ้นมา ซึ่งกลยุทธ์ทางธุรกิจแบบใหม่นี้มีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของแบรนด์และการขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วสิงคโปร์และหลังจากนั้นไม่นานก็ได้ขยายไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ ของเอเชีย
 
ในปี 2004 CHARLES & KEITH ขยายช่องทางการขายด้วยการเปิดตัวเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ และในปี 2011 L Capital Asia, กองทุนของ LVMH ได้รับเชิญให้เข้าร่วมถือหุ้นในกลุ่มของ CHARLES & KEITH และด้วยการเข้ามาลงทุนของกลุ่มผู้ลงทุนเจ้านี้ทำให้ CHARLES & KEITH ประสบความสำเร็จในการเปิดตัวธุรกิจในประเทศจีน ในปัจจุบันตระกูล Wong ถือเป็นเจ้าของแบรนด์ CHARLES & KEITH แต่เพียงผู้เดียวและมีร้านค้าเกือบ 700 แห่งในกว่า 30 ประเทศ โดยมีฐานที่แข็งแกร่งในเอเชียแปซิฟิกและตะวันออกกลาง โดยเลือกที่จะเปิดร้าน Flagship ในหัวเมืองแฟชั่นอย่างโตเกียว, โซล, เซี่ยงไฮ้และดูไบ นอกจากนั้นแล้วแบรนด์ยังมีการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ - CHARLESKEITH.COM ซึ่งสามารถจัดส่งไปได้กว่า 60 ประเทศทั่วโลกรวมถึงออสเตรเลีย, ยุโรป และสหรัฐอเมริกา
 
ด้วยความเชื่อที่ฝังลึกในความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม CHARLES & KEITH จับมือกับองค์กรสากลอย่าง UN Women, Dress for Success, The Asia Foundation, Save The Children, UNICEF, Red Cross, WWF และ Plastic Bank นอกจากนั้นแล้วทางแบรนด์ยังทำงานร่วมกับ The Forest Stewardship Council (FSC), The Leather Working Group และ The Textile Exchange อย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าจะใช้แนวทางของความยั่งยืนมากขึ้นในทุกด้านของธุรกิจ